วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

น้ำฟักทอง เครื่องดื่มสมุนไพร


น้ำฟักทอง


สูตรน้ำฟักทอง น้ำสมุนไพร
ฟักทองเป็นพืชผัก รูปทรงกลมแป้น มีพูเล็กๆ รอบผล ผิวไม่แข็ง สีเขียวเข้มอมน้ำเงิน หรืออมเทา ด่างเหลืองเป็นทาง เนื้อสีเหลือง เหลืองอมเขียวหรือส้มเข้มตรงกลางฟูพรุน มีเมล็ดแบนจำนวนมาก การเลือกฟักทองให้เเลือกลูกที่หนักมาก ผิวเปลือกขรุขระ เนื้อจะแน่นเป็นมัน

ประโยชน์ของฟักทอง
เนื้อฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินเอที่สูงถึง 2,458 I.U. และเกกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยบำรุงสายตา  บำรุงร่างกาย ช่วยลดอัตราการเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ฟักทองมีฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งของอินซูลินช่วยควบคุมการกระตุ้นของอินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดป้องกันเบาหวาน โรคความดันโลหิต บำรุงตับและไต

น้ำฟักทอง
เนื้อฟักทองนึ่งสุกหั่นชิ้น 1 1/4 ถ้วย
น้ำต้มสุก 3 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่นนิดหน่อย


วิธีทำ
1. ปั่นเนื้อฟักทองกับน้ำต้มเข้าด้วยกันให้ละเอียด
2. เทฟักทองที่ปั่นละเอียดแล้วใส่หม้อ ยกตั้งขึ้นบนไฟอ่อนให้เดือด ใส่น้ำตาลและเกลือ เคี่ยวจนน้ำตาลละลาย พอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง พักไว้ให้เย็น
3. แช่เย็นจนเย็นจัด รินใส่แก้วดื่ม หรือใส่น้ำแข็งก็ได้

หรือถ้าใครอยากจะดัดแปลงโดยใส่โยเกิร์ตด้วยก็ได้ ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากค่ะ ดังนี้

น้ำฟักทองโยเกิร์ต
น้ำฟักทอง 1/2 ถ้วย
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/4 ถ้วย
ไอศกรีมรสวานิลลา 1/4 ถ้วย
นมสดชนิดจืด 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน รินใส่แก้ว ดื่ม หรือแช่เย็นอีกครั้ง แล้วดื่่ม

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

น้ำว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มสมุนไพร


ว่านหางจระเข้

น้ำว่านหางจระเข้ เครื่องดื่มสมุนไพร
ว่านหางจระเข้ เป็นพืชพื้นเมืองของทวีปแอฟริกา ลักษณะคล้ายหางจระเข้ ใบอ้วนหนา ช่วงโคนใบกว้าง ปลายใบแหลม ริมใบมีหนามโดยรอบ การเลือกว่านหางจระเข้มาใช้ให้เลือกที่โคนใบใหญ่
ป้อมสั้น มีกระสีขาวน้อย เปลือกหนาแข็ง เนื้อวุ้นจะแข็ง และต้องใช้ทันที เพื่อไม่ให้สรรพคุณลดลง

คุณค่าอาหารและสรรพคุณ
เนื้อว่านสดๆ มีสารอะโลอินกับสารอะโลอิซิน เป็นยาระบาย ป้องกันโรคมะเร็ง ป้องกันทางเดินหายใจอักเสบ ช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร ฆ่าเชื้อไวรัส และสลายพิษ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของตับที่อักเสบได้

น้ำว่านหางจระเข้
ส่วนผสม
1. ใบว่านหางจระเข้ 1 ใบเล็ก
2. น้ำ 2 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 2 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างใบว่านหางจระเข้ ใช้มีดคมๆ ปอกเปลือกออกให้หมด ล้างหลายๆ ครั้งจนหมดเมือกและยางสีเหลือง
2. หั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่น้ำลงในหม้อ แล้วใส่เนื้อว่านหางจระเข้ลงไป ต้มด้วยไฟกลางจนเดือดนาน20 นาที
3. ใส่น้ำตาลทรายแดง ทิ้งไว้จนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ
4. พักทิ้งไว้ให้เย็น รินน้ำว่านหางจระเข้ใส่แก้ว เติมน้ำแข็ง ดื่มได้เลย

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

น้ำใบเตย น้ำสมุนไพร


ใบเตย

 ใบเตย เป็นพืชตระกูลหญ้า แตกเป็นกอใหญ่ มีเหง้าและลำต้นอยู่ใต้ดิน มีก้านและใบที่โผล่ขึ้นมาอยู่เหนือดิน ใบออกจากลำต้นเรียงเวียนรอบลำต้นอย่างแน่นหนา ใบสีเขียวรูปเรียวยาวประมาณ 8-10 นิ้ว
ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ เมื่อขยี้ใบสดจะมีกลิ่นหอมเย็น นิยมคั้นน้ำจากใบสดเพื่อแต่งกลิ่นและเพื่อให้ได้สีเขียวสวยงามสำหรับใส่ขนมโดยเฉพาะขนมไทย

คุณค่าอาหารและสรรพคุณของใบเตย
ใบเตยสดนั้น มีน้ำมันหอมระเหย กลิ่นหอม รสหวาน และมีสีเขียว ซึ่งเป็นสารคลอโรฟิลล์ช่วยลดอาการกระหายน้ำ บำรุงหัวใจ และช่วยทำให้สดชื่น อีกทั้งยังมีเกลือแร่ แคลเซียมและฟอสฟอรัส

ใบเตยนั้นสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้ทั้งแบบปั่นละเอียดเนียน หรือที่เรียกว่าแบบสมูทตี้และทำแบบน้ำสมุนไพรแช่เย็นจัดแล้วดื่มหรือใส่น้ำแข็งก็ได้
สูตรน้ำสมุนไพรวันนี้ จึงน้ำสุตรน้ำสมุนไพร 2 สูตรมาให้เลือกทำ

น้ำใบเตยสูตรที่ 1 น้ำใบเตย
ส่วนผสม
1. ใบเตยหั่น 2 ถ้วย
2. น้ำ 4 ถ้วย
3. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำแข็งชนิดก้อน สำหรับเติมเวลาจะดื่ม

วิธีทำ
1. ปั่นใบเตยครึ่งหนึ่งกับน้ำเล็กน้อยจนละเอียด กรองเอากากออก จะได้น้ำใบเตยสีเขียว เทใส่ถ้วยพักไว้
2. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางให้เดือด ใส่ใบเตยที่เหลือลงต้มนาน 5-10 นาที ใส่น้ำตาล พอน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลง กรองเอากากออก ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางอีกครั้ง ใส่น้ำใบเตยคั้น พอเดือดปิดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง ปล่อยให้เย็น เมื่อจะดื่มใส่น้ำแข็ง

น้ำใบเตยปั่นสูตรที่ 2 น้ำใบเตยปั่น
ส่วนผสม
1. น้ำใบเตย 1 ถ้วย
2. เนื้อแคนตาลูปเขียวหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
3. น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด รินใส่แก้วดื่ม



วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำสมุนไพรสูตรน้ำลูกแพร์ เซเลอรี่ กับขิง


ส่วนผสมน้ำสมุนไพรสูตรน้ำลูกแพร์ เซเลอรี่ กับขิง
1.ลูกแพร 100  กรัม
2.เซเลอรี่ 50 กรัม
3.น้ำขิงสด ½  ช้อนโต๊ะ
4.น้ำแข็งก้อน

˜
วิธีทำน้ำสมุนไพรสูตรน้ำลูกแพร์ เซเลอรี่ กับขิง
1. หั่นเซเลอรี่เป็นท่อนยาว ๆ ปอกเปลือกลูกแพร์ หั่นเป็นชิ้นยาว ๆ นำเข้าตู้เย็น แช่ให้เย็นจัดประมาณ 30 นาที
2. ขิงปอกเปลือกขูดละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ
3. ใส่ลูกแพร์ในเครื่องแยกกาก ตามด้วยเซเลอรี่
4. เทใส่แก้ว ใส่น้ำขิงลงไปผสม คนให้เข้ากันก่อนดื่มใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อย

 คุณค่าทางโภชนาการน้ำสมุนไพรสูตรน้ำลูกแพร์ เซเลอรี่ กับขิง
* พลังงาน   51.7   กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต    12.2   กรัม
* เบตาแคโรทีน  1.5   ไมโครกรัม
*วิตามินเอ     4.3 ไมโครกรัม
น้ำสมุนไพรสูตรน้ำลูกแพร์ เซเลอรี่ กับขิง


วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

น้ำสมุนไพร สูตรน้ำเซเลอรี่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว กับองุ่นเขียว

น้ำสมุนไพร สูตรน้ำเซเลอรี่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว กับองุ่นเขียว
ส่วนผสมน้ำสมุนไพร สูตรน้ำเซเลอรี่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว กับองุ่นเขียว
1.เซเลอรี่ 130 กรัม
2.เเอ๊ปเปิ้ลเขียว 300 กรัม
 3.องุ่นเขียว 100 กรัม
4.น้ำผึ้ง ½  ช้อนชา
5. เกลือป่นนิดหน่อย
6. น้ำแข็งก้อน

วิธีทำน้ำสมุนไพร สูตรน้ำเซเลอรี่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว กับองุ่นเขียว
1.เซอเลอรี่หั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ แอ๊ปเปิ้ลเขียวผ่าครึ่งเฉือนแกนกลางออก
หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ส่วนองุ่นเขียวเด็ดเป็นลูก ๆ แช่ตู้เย็นไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง
2. ใส่องุ่นเขียวในเครี่องแยกกากก่อน ตามต้ายแอปเปิ้ลเขียวเเละเซเลอรี่
3. เทใส่แก้ว เติมน้ำผึ้งและเกลือป่นลงไป คนให้เข้ากัน
ใส่น้ำแข็งสัก 4-5 ก้อน ดื่มทันที


คุณค่าทางอาหาร
*ให้พลังงาน   227.1 กิโลแคลอรี
*คาร์โบไฮเดรต 56.5 กรัม
*วิตามินเอ 199 ไมโครกรัม
*วิตามินซี 11 มิลลิกรัม
*แคลเซียม 39 ไมโครกรัม

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

น้ำสมุนไพร สูตรน้ำกะหล่ำปลี


กะหล่ำปลีเป็นพืชที่มีกาบใบห่อกันแน่นเป็นรูปทรงกลมแบน มีรสหวานและน้ำมาก มีหลายพันธุ์ทั้งใบเขียวอ่อน เขียวเข้มและสีม่วง เป็นพืชผักท้องถ่นของยุโรปในเขตอากาศอบอุ่น  การเลือกกะหล่ำปลีมาใช้เป็นน้ำสมุนไพร ให้เลือกกะหล่ำปลีสด กาบใบห่อกันแน่น มีน้ำหนักมาก ก่อนนำมาใช้ให้ทำความสะอาดโดยแกะกะหล่ำปลีออกเป็นกาบๆ ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นให้ละเอียด

คุณค่าของน้ำกะหล่ำปลี น้ำสมุนไพร
วิตามินซีสูง นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ช่วยรักษาโรคกระเพาะได้ เพราะมีสารกลูตามีนช่วยเคลือบกระเพาะ ในกะหล่ำปลียังมีซัลเฟอร์ ช่วยให้ขับถ่ายได้ดี
ช่วยต้านสารก่อมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร และยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล ช่วยระงับประสาท ทำให้นอนหลับสนิท

น้ำกะหล่ำปลี
ส่วนผสม
กะหล่ำปลีหั่นละเอียด 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 1/4 ช้อนชา
น้ำต้มสุกแช่เย็น 11/2 ถ้วย
วิธีทำน้ำกะหล่ำปลี น้ำสมุนไพร
ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง รินใส่แก้ว ดื่มทันที

น้ำกะหล่ำปลีผสม
ส่วนผสม
สับปะรดหั่นชิ้น 1 ถ้วย
น้ำกะหล่ำปลี  1 1/2 ถ้วย
วิธีทำ

ใส่เนื้อสับปะรดลงในเครื่องแยกกาก คั้นจนได้น้ำสับปะรด นำไปผสมกับน้ำกะหล่ำปลี คนให้เข้ากันดี รินใส่แก้ว ดื่มทันที

น้ำสมุนไพร สูตรน้ำมะกอกไทย


มะกอกไทยนั้น มีผลรูปไข่ ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่มีสีเหลืองอมเขียว และเมื่อสุกจะมีสีเหลืองหม่นและมีจุดสีน้ำตาลเข้มทั้งผล เปลือกเหนียว เมล็ดแข็ง มีเนื้อหนาประมาณ 0.5 ซม. รสเปรี้ยวกลิ่นหอม ทางภาคอีสานนิยมนำมาใส่ส้มตำ การเลือกใช้มะกอกสำหรับทำน้ำสมุนไพรให้เลือกมะกอกที่สุกกำลังพอเหมาะ
จับดูไม่เละ ไม่ช้ำหรือเน่าเสีย

คุณค่าและสรรพคุณของน้ำมะกอกไทย น้ำสมุนไพร
เนื้อของมะกอกไทยมีวิตามินซีถึง 291 มิลลิกรัม มีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และเกลือแร่ชนิดต่างๆ  ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แก้บิด แก้กระหาย และช่วยทำให้ชุ่มคอ

ส่วนผสมน้ำมะกอก น้ำสมุนไพร
มะกอกสุก 8 ลูก
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1 1/2 ถ้วย
น้ำเชื่อม  3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำมะกอก น้ำสมุนไพร
1.ล้างมะกอก ปอกเปลือก ฝานเอาเฉพาะเนื้อ
2.ปั่นมะกอกกับน้ำให้ละเอียตใส่น้ำเชื่อมและเกลือ คนให้เข้ากันอีกครั้ง แช่เย็นจนเย็นจัด รินใส่แก้ว ดื่ม


วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

น้ำสมุนไพร น้ำรากบัว


รากบัว (lotus root) คือ ลำต้นใต้ดินที่เปลี่ยนจากหน่ออ่อนเป็นต้นแก่ มีรากบัวไทยขนาดเล็ก รากบัวจีนขนาดใหญ่ มีสีเหลืองงาช้าง ลักษณะเป็นท่อนกลมใหญ่ยาว แต่ละท่อนแบ่งเป็นปล้องๆ ถ้าตัดตามขวางจะเห็นเป็นรูกลมๆ เต็มหน้าตัด เลือกรากบัวจีนที่ใหม่ผิวสะอาดสีขาวอมเหลือง ถ้าเป็นรากเก่าสีคล้ำออกน้ำตาล รากบัวไทยเลือกเปลือกสีชมพูออกแดง ล้างแล้วปอกเปลือกนอกของรากบัวออก หั่นเป็นแว่น

สูตรน้ำสมุนไพร ครั้งนี้ เรามีรากบัวซึ่งเป็นพืชใต้ดินที่มีประโยชน์ มีสรรพคุณเป็นยาเย็น
ดังนั้น น่าจะดีที่เราจะเอารากบัวมาทำเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ นั่นคือ น้ำรากบัว และน้ำรากบัวปั่น ตามส่วนผสมและวิธีทำต่อไปนี้

สรรพคุณของรากบัว
เนื้อของรากบัวมีวิตามินซี และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยให้ฟื้นไข้เร็ว แก้อาการร้อนใน
ช่วยสร้างเลือด และช่วยให้เจริญอาหาร

น้ำสมุนไพร น้ำรากบัว
ส่วนผสม
น้ำ 6 ถ้วย
รากบัวหั่นแว่น 300 กรัม
น้ำตาลทราย  1/4 ถ้วย
น้ำแข็งชนิดก่อน

วิธีทำน้ำสมุนไพร น้ำรากบัว 
1. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟอ่อนให้ร้อน ใส่รากบัวลงต้ม จนน้ำมีสีชมพู กรองเอากากออก
2.ใส่น้ำตาล ต้มต่อสักครู่ พอน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลง รินใส่แก้วน้ำแข็ง   ดื่ม หรือจะดื่มแบบร้อนหรือแช่เย็นก็ได้
น้ำรากบัว

น้ำรากบัวปั่น
ส่วนผสมน้ำรากบัวปั่น
น้ำ 3 ถ้วย
รากบัวหั่นชิ้นบาง ½ ถ้วย
สับปะรดหั่นชิ้น ½ ถ้วย
น้ำตาลทรายแดง  2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำรากบัวปั่น
1.ต้มน้ำ 2 ถ้วยในหม้อด้วยไฟกลางให้ร้อน ใส่รากบัวลงต้มจนสุกนุ่ม พักไว้ให้เย็น
2. ปั่นส่วนผสมทั้งหมดพร้อมกับน้ำต้มรากบัวและน้ำที่เหลือเข้าด้วยกัน รินใส่แก้วดื่ม
น้ำรากบัวปั่น


วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

น้ำบีตรู้ตกับพริกหวาน เครื่องดื่มสมุนไพร

น้ำบีตรู้ตกับพริกหวาน
น้ำบีตรู้ตกับพริกหวาน
บีตรู้ตและพริกหวานต่างก็จัดว่าเป็นพืชสมุนไพร เราจะมาดูว่าพริกหวานและบีตรู้ตนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง

*พริกหวานมีเบตาแคโรทีนสูง มีไวตามินซี เหล็ก และโพแทสเซียม ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีไวตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า ในพริกสีเขียว 100 กรัมก็จะมีไวตามินซี 100 กรัมเช่นกัน และยังมีวิตามิน A, B1, B2 และ C
นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารทำงานดีขึ้น อาหารย่อยดีขึ้น ขับเหงื่อ แก้อาเจียน เป็นต้น
บีตรู้ต
บีตรู้ต
* บีตรู้ต นั้นด้วยอุดมไปด้วยวิตามิน B1 B2 B6 กรดโฟลิก แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม และสังกะสีช่วยฟอกเลือด ฟอกไต

ส่วนผสมเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำบีตรู้ตกับพริกหวาน ˜
  1.บีตรู้ต 125   กรัม
  2.แครอท 200 กรัม
  3.พริกหวานแดง 50 กรัม
  4.เกรปฟรุต 150 กรัม
  5.น้ำแข็งบด ½  ถ้วย




วิธีทำ น้ำบีตรู้ตกับพริกหวาน เครื่องดื่มสมุนไพร
1. ล้างบีตรู้ตและแครอทให้สะอาด หั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ
2. ฝานพริกหวานเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ แกะแกนกลางและเมล็ดทิ้ง ส่วนเกรปฟรุตปอกเปลือก แคะเม็ดออก แล้วเเกะเฉพาะเนื้อเกรปฟรุตเป็นกลีบๆ
3. แช่บีตรู้ต แครอท พริอหวาน และเกรปฟรต ในตู้เย็นประมาณหนึ่งชั่วโมง
4. ใส่เกรปฟรุตลงไปแยกกากก่อน ตามด้วยพริกหวาน แครอท และบีตรู้ต
5. เทใส่แก้ว คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ก่อนเสิร์ฟเติมน้าแข็งบดลงไปเล็กน้อยดื่มสดๆทันที


คุณค่าทางโภชนาการของเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรนี้
* พลังงาน  190.25    กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต   32.925    กรัม
* เบตาแคโรทีน  13988   ไมโครกรัม
*วิตามินเอ   6332   ไมโครกรัม
  *วิตามินซี   97.5   มิลลิกรัม
 *แคลเชียม  145.5   ไมโครกรัม



บีตรู้ต
บีตรู้ต
พริกหวานแดง
พริกหวานแดง