วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำมะเขือเทศ เครื่องดื่มสมุนไพร

เดิมมะเขือเทศเป็นพืชของเม็กซิโก มีชื่อพฤกษศาตร์ว่า Lycopersicon esculentum
มะเขือเทศสด

มะเขือเทศมีผลค่อนข้างกลม รี หรือแป้น มีสีแดง ส้ม เหลือง จนถึงชมพู ภายในมีเมล็ดเรียงตัวเป็นช่องๆ มีเมือกวุ้นห่อหุ้มเมล็ด ออกรสเปรี้ยว มีหลายชนิดทั้งมะเขือส้ม มะเขือเทศสีดา มะเชือเทศลูกใหญ่ เลือกมะเขือเทศที่มีความสด ลูกใหญ่ สีแดงสวย สุก เปลือกไม่มีรอยช้ำ ล้างให้สะอาดก่อนบริโภค
สูตรน้ำสมุนไพรวันนี้ ขอนำเสนอ 2 สูตร คือ แบบน้ำข้น และแบบปั่น แล้วแต่ว่าใครจะนิยมดื่มแบบไหน

ประโยชน์ของมะเขือเทศ 
เนื้อของมะเขือเทศประกอบด้วยวิตามินเอที่มีมากถึง 1,394 I .U .มีวิตามินซี บี และเกลือแร่ชนิด
ต่างๆ ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยให้ตับทำงานได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดต่ำ เมื่อรู้สึกอ่อนเพลียหากดื่มน้ำมะเขือเทศจะช่วยให้สดชื่น นอกจากนี้สารไลโคปีนสีแดงช่วยป้องกันมะเร็งโรคหลอดเลือดหัวใจ

น้ำมะเขือเทศ น้ำสมุนไพร
มะเขือเทศ (ลูกละ 100 กรัม)  6 ลูก
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1/2 ถ้วย
พริกไทยดำป่น  1/4 ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำมะเขือเทศ
คั้นน้ำมะเขือเทศด้วยเดรื่องแยกกาก ขณะที่คั้นใส่น้ำจนหมด น้ำที่ได้จะมีความข้น
แล้วผสมน้ำมะเขือเทศ พริกใทย และน้ำมะนาว
เข้าด้วยกันในชามแก้ว รินใส่แก้ว ดื่ม


น้ำมะเขือเทศ 
น้ำมะเขือเทศปั่น
มะเขือเทศหั่นชิ้น (ลูกละ 100 กรัม) 2 ลูก
เซลเลอรีหั่นชิ้นเล็ก 3 ก้าน
แครอทหั่นชิ้นเล็ก  1/2 หัว
น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย

วิธีทำน้ำมะเขือเทศปั่น
ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียดรินใส่แก้ว ดื่ม

น้ำมะเขือเทศปั่น

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำตะไคร้ น้ำสมุนไพร

ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรวงศ์หญ้า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตต้อน แถบหมู่เกาะเวสต์อินดิส ตะไคร้มีน้ำมันระเหยมากที่เหง้าและกาบใบ ซึ่งทำให้มีกลิ่นหอม การเลือกให้เลือกตะไคร้สด ต้นอวบอ้วน ไม่มีรอยตำหนิ ไม่ช้ำหรือเน่าเสีย แกะกาบด้านนอกออก ล้าง นำโคนต้นมาหั่นซอยบางๆ
ตะไคร้มีวิตามินเอ และยังมีเกลือแร่ชนิดต่างๆ อย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ช่วยลดอาการแน่นจุกเสียดท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อย ลดอาการคาวปาก ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ลดไข้ แก้วิงเวียนและหน้ามืดได้ดี ขจัดอาการอ่อนเพลีย ปวดหลัง ประจำเดือนมาไม่ปกติ การวิจัยสมัยใหม่พบว่าตะไคร้ป้องกันโรคมะเร็งสำไส้ใหญ่ได้
สูตรน้ำสมุนไพรวันนี้จะนำเสนอน้ำสมุนไพรที่ทำจากตะไคร้สองสูตรคือ พันช์ตะไคร้และน้ำตะไคร้

พัชน์ตะไคร้
พันช์ตะไคร้
ส่วนผสมพันช์ตะไคร้
น้ำ 1 ถ้วย
ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย
ขิงแก่หั่นเป็นชิ้น 1 แง่ง
น้ำสับปะรดคั้น 1 ถ้วย
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำพันช์ตะไคร้
1. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่ตะไคร้ลงต้มนาน 5-10 นาที พอมีกลิ่นหอม ปิดไฟ ยกลง พักไว้ให้เย็น
2. คั้นขิงด้วยเครื่องแยกกาก ให้ได้ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ พักไว้
3. ผสมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันในชามแก้ว แช่ในตู้เย็นจนเย็นจัด รินใส่แก้วดื่มได้ทันที

ส่วนผสมน้ำตะไคร้
น้ำ 2  1/2 ถ้วย
ตะไคร้ซอย 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
ใบตะไคร้หั่นฝอย 1/2 ถ้วย

วิธีทำน้ำตะไคร้
1.ต้มน้ำ2 ถ้วยในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด แล้วใส่ตะไคร้ลงต้มนานประมาณ 10-15 นาที พอมีกลิ่นหอมและน้ำมีสีเขียวอ่อนของตะไคร้ยกลง กรองใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง ใส่น้ำตาล คนให้น้ำตาลละลาย ปิดไฟ พักไว้
2.ปั่นใบตะไคร้กับน้ำเปล่าที่เหลือให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบางหลายๆ ชั้น ผสมลงในหม้อน้ำตะไคร้ที่ต้มแล้ว คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางพอเดือด คนให้ทั่ว ปิดไฟ ยกลง ดื่มอย่างร้อนก็ได้ถ้าดื่มอย่างเย็นพักไว้ให้เย็น รินใฟขวด นำไปแช่เย็น เวลาดื่มจะใส่น้ำแข็งเพิ่มความเย็นอีกก็ได้
น้ำตะไคร้

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำดอกอัญชัน เครื่องดื่มสมุนไพร

ดอกอัญชันนั้น เป็นพืชสมุนไพร ที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่มอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดเล็ก ลำต้นมีขนนุ่มปกคลุม ใบเป็นรูปไข่ ผิวและขอบเรียบ ใบบางสีเขียว ดอกมี 2 ชนิด ทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ดอกมีสีน้ำเงินแก่ ม่วงแดง ม่วงอ่อน และขาว ดอกมีรูปทรงคล้ายกับกรวย กลีบรูปกลมปากเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางกลีบมีสีเหลือง
ดอกอัญชัน
ดอกใช้แต่งสีน้ำเงินหรือสีม่วงให้กับอาหารต่างๆ เช่น ขนมช่อม่วง ขนมเรไร ขนมชั้น เป็นต้น เวลาคั้นดอกจะได้น้ำสีน้ำเงินเข้ม ถ้าต้องการสีแดงให้หยดน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย
สรรพคุณน้ำดอกอัญชันคือ มีเบต้าแคโรทีนสูง เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ ช่วยต่อด้านสารก่อมะเร็ง
เครื่องดื่มสมุนไพร ที่ทำจากดอกอัญชันในครั้งนี้ จะนำเสนอ 2 สูตร คือ น้ำดอกอัญชันผสม และน้ำดอกอัญชัน ซึ่งจะมีส่วนผสม และวิธีทำที่แตกต่างกันเล็กน้อย

น้ำดอกอัญชันผสม
น้ำดอกอัญชันผสม
ส่วนผสมสำหรับ 1 แก้ว
ดอกอัญชัน 25 ดอก
น้ำต้มสุก 2 ถ้วย
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง ชนิด ก้อน

วิธีทำน้ำดอกอัญชันผสม
1.ฉีกขั้วดอกอัญชันแต่ละดอกออก ล้างกลีบ
ดอกอัญชัน จากนั้นใส่ลงในโถปั่น ตามด้วยน้ำต้มสุก
1/2 ถ้วย
2.ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออก  ใส่น้ำที่เหลือ
น้ำใบเตย และน้ำเชื่อม คนพอทั่ว รินใส่แก้วเติม น้ำแข็ง ดื่มได้ทันที



น้ำดอกอัญชัน
น้ำดอกอัญชัน
ส่วนผสมสำหรับ 1 แก้ว
ดอกอัญชัน 10 ดอก
น้ำต้มสุก 1 ถ้วย
แอปเปิลแดงคั้น 1 ผล
น้ำเชื่อม  2 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งก้อน

วิธีทำน้ำดอกอัญชัน
1.ฉีกขั้วดอกอัญชันแต่ละดอกออก ล้างกลีบดอกอัญชัน จากนั้นใส่ลงในโถปั่นตามด้วยน้ำต้มสุก ครึ่งถ้วย
2.ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด กรองต้วยผ้าขาวบางเอากากออก ใส่น้ำที่เหลือ น้ำแอปเปิ้ล และน้ำเชื่อมคนพอทั่ว รินใส่แก้ว เติมน้ำแข็ง ดื่มได้ทันที

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำใบบัวบก เครื่องดื่มสมุนไพร

ใบบัวบกเป็นพืชสมุนไพรล้มลุกที่มีลักษณะคล้ายบัว ก้านเลื้อยแผ่ไปตามดิน แตกรากและใบตามข้อ ปลายก้านมีใบกลมๆ เหมือนใบบัวแต่เล็กกว่า มีรสขมอ่อนๆ กลิ่นหอม การเลือกให้เลือกบัวบกใบใหญ่สด ใบแก่ สีเขียวเข้ม ล้างห้สะอาด แล้วหั่นฝอย แต่ถ้าจะรับประทานเป็นผักสดหรือทำยำ ควรเลือกซื้อใบที่ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป กลิ่นจะไม่แรงมาก
ใบบัวบกมีเบต้าแคโรทีนสูงถึง 1,243 I.U. มีวิตามินเอ วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเกลือแร่ชนิดต่างๆ อย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ช่วยขับปัสสาวะ แก้ช้ำใน แก้ไข้ แก้ร้อนใน ดับกระหาย คลายร้อน

ส่วนผสมของ น้ำใบบัวบก เครื่องดื่มสมุนไพร
ใบบัวบกหั่นฝอย 2 ถ้วย
น้ำมะนาว 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำต้มสุกแช่เย็น 2 ถ้วย

วิธีทำน้ำใบบัวบก เครื่องดื่มสมุนไพร

ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียดกรองด้วยผ้าขาวบาง รินใส่แก้ว ดื่มทันที
ใบบัวบก
น้ำใบบัวบก เครื่องดื่มสมุนไพร

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

น้ำมะระ เครื่องดื่มสมุนไพร

มะระจีน

   มะระเป็นผักที่มีรสขม เนื้อเขียวใส มีทั้งมะระจีนลูกใหญ่ และมะระขี้นกลูกเล็ก การเลือกทำน้ำมะระให้เลือกมะระจีนแก่จัด เปลือกสีเขียวอมขาว ผิวร่องไม่ลึกมาก ไม่ขรุขระมาก ล้างแล้วผ่าตามขวางเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้น นำไปแช่ในตู้เย็นให้เย็นจัด จะช่วยลดรสขมและกลิ่นเหม็นเขียวลง
    เนื้อของมะระจีนประกอบด้วยวิตามินซี วิตามินบีรวม และเกลือแร่ชนิดต่างๆ คือ ฟอสฟอรัส แคลเซียมเนื้อมะระมีรสขมเพราะมีสารอัลคาลอยด์ชื่อ โมโมดิซีน ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ รักษาโรคเบาหวาน และสามารถต้านเชื้อไวรัส ล่าสุดพบว่ามะระขี้นกอาจช่วยต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีได้



ส่วนผสมของ น้ำมะระ เครื่องดื่มสมุนไพร
น้ำมะระ เครื่องดื่มสมุนไพร
เนื้อมะระจีนหั่นชิ้น 2 ถ้วย
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1 /2 ถ้วย
น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำแข็งชนิดก้อน

วิธีทำ  น้ำมะระ เครื่องดื่มสมุนไพร
1.คั้นน้ำมะระด้วยเครื่อง แยกกาก แยกน้ำ

2.ผสมน้ำมะระที่ได้กับน้ำต้มสุกแช่เย็น น้ำเชื่อมเกลือ เข้าด้วยกันในภาชนะ
คนพอทั่ว รินใส่แก้วน้ำแข็ง ดื่มทันที

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มสมุนไพรสูตรน้ำบรอกโคลี บีตรู้ต กับแครอท

น้ำบรอกโคลี บีตรู้ต กับแครอท
ส่วนผสมเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรน้ำบรอกโคลี บีตรู้ต กับแครอท
  บรอกโคลี 280 กรัม
  แครอท 175 กรัม
  บีตรู้ต 50 กรัม
  น้ำแอ๊ปเปิ้ล 250 กรัม
  น้ำแข็งก้อน 5 ก้อน

วิธีทำเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรน้ำบรอกโคลี บีตรู้ต กับแครอท
1. ปอกเปลือกบรอกโคลีเเข็ง ๆ ตรงก้านออก หั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ
ส่วนแครอทและบีตรู้ตล้างให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นท่อนเล็ก ๆ
2. ใส่บรอกโคลีลงไปแยกกากก่อน ตามต้วยแครอท และบีตรู้ตสุดท้าย
3. เทน้ำแอ๊ปเปิ้ลลงไปผสม คนให้เข้ากัน
4. เทใส่แก้ว เติมน้ำแข็ง ดื่มทันที


คุณค่าทางโภชนาการเครื่องดื่มสมุนไพรสูตรน้ำบรอกโคลี บีตรู้ต กับแครอท
* พลังงาน 507.5 กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต 31.0 กรัม
* เบตาแคโรทีน 12,239.5 ไมโครกรัม
*วิตามินเอ 2,780.5 ไมโครกรัม
  *วิตามินซี 467.75 มิลลิกรัม
 *แคลเชียม 113 ไมโครกรัม


บีตรู้ต
แครอท

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำสมุนไพร น้ำผักโขม แครอท กับแตงกวา

สูตรน้ำผักสูตรนี้เป็นสูตรน้ำสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกสูตรหนึ่ง ซึ่งส่วนผสมและวิธีการทำมีดังนี้

ส่วนผสม น้ำสมุนไพร น้ำผักโขม แครอท กับแตงกวา
* ผักโขมหั่นหยาบๆ 50 กรัม
* แตงกวาหั่นเป็นชิ้นยาว ๆ 100 กรัม
*แครอทหั่นเป็นชิ้นยาว ๆ 100 กรัม
* น้ำเปล่า 1 ถ้วย
* น้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำแข็งบด

วิธีทำน้ำสมุนไพร น้ำผักโขม แครอท กับแตงกวา
1. แช่ผักโขม แตงกวา แครอท ในตู้เย็นให้เย็นจัด
2. ใส่ผักโขมในเครื่องปั่น เดิมน้ำเปล่า ปั่นให้ละนอียด กรองให้เหลือแต่น้ำ
3. ใส่แตงกวาในเครื่องแยกกาก ตามด้วยแครอท
4. เทน้ำแตงกวาและแครอทใส่แก้ว ตามด้วยน้ำผักโขม เติมน้ำผึ้งคนให้เข้ากัน ก่อนดื่มใส่น้ำแข็งบดละเอียดลงไปอีกเล็กน้อย

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำสมุนไพร 
* พลังงาน 108 กิโลแคลอรี่
* คาร์โบไฮเดรต 22.6 กรัม
*เบต้าแคโรทีน  7,034 ไมโครกรัม
* วิตามินเอ 3,216.8 ไมโครกรัม
 *วิตามินซี 41 มิลลิกรัม
 * แคลเชียม 136.3 ไมโครกรัม
น้ำสมุนไพร น้ำผักโขม แครอท กับแตงกวา
น้ำสมุนไพร น้ำผักโขม แครอท กับแตงกวา


วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำขนุน

ลูกขนุนดิบ

ขนุนเป็นไม้ยืนต้น ต้นสูงใหญ่ใบค่อนข้างหนาทึบ สูงประมาณ 8-15 เมตร เป็นไม้เนื้ออ่อน จะมีผลอยู่ที่โคนต้นหรือโคนกิ่ง ผลจะมีลักษณะกลมรียาว และกลมใหญ่หนักประมาณ 10-60 กิโลกรัม ในหนึ่งผลใหญ่จะมีผลย่อยหลายผลเรียกว่ายวง เวลาที่ผ่าน ผลออกแกนกลางจะมียางมาก เนื้อในเป็นยวง มีสีเหลือง รสชาติหวานหอม เมื่อนำขนุนมาทำน้ำสมุนไพรก็จะให้ประโยชน์หลายอย่างทีเดียว ขนุนนั้นมีวิตามิน A แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีน้ำมันหอมระเหย น้ำตาลสูง ผลเนื้อขนุน ใช้รับประทาน อบแห้ง กวน ทำขนุนเชื่อม ใส่ในน้ำเชื่อม แต่งหน้าวุ้น ขนมหวาน ทำแยม
เนื้อขนุนสุก
ส่วนผสมของน้ำขนุน
เนึ้อขนุน 2 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
น้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง
นมสด  2 ช้อนโต๊ะ
เกลึอ  1/2  ช้อนชา

วิธีทำน้ำขนุน
 แกะเนื้อขนุนฉีกเป็นเส้นแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ใส่เครื่องปั่นเติมน้ำเชื่อม น้ำต้มสุก นมสด เกลือ ปั่นจนละเอียด เป็นเนื้อเตียวกัน ได้น้ำขนุน สีเหลืองข้น นำไปดื่มกับน้ำแข็งหรือนำไปแช่เย็น รสชาติหวานชื่นใจ

น้ำขนุน




วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำแครอทผสมบีทรูท

แครอทออสเตรเลี
แครอทออสเตรเลีย

แครอทเป็นผักหัว มีเนื้อสีส้ม รสหวาน กรอบอร่อย  แครอทที่เลือกใช้ควรเป็นแครอทออสเตรเลีย ที่สด หัวตรง เพราะจะมีรสหวาน กลิ่นหอม นอกจากนี้แครทอยังมีมีวิตามินเอมากถืง 7,930 I.U. ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี วิตามินเอจากสารเบต้าแคโรทีนยังทำหน้าที่เป็นแอนติออกซิแตนท์ ป้องกันโรคมะเร็ง ทั้งมะเรงปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และช่วยให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกาย







ส่วนผสมของน้ำแครอทผสมบีทรูท
แครอทออสเตรเลีย (หัวละ 200-250 กรัม) 2 หัว
บีทรูทหัวเล็ก (หัวละ 80 กรัม) 1/2 หัว
ผักกาดแก้วหัวเล็ก(300-350 กรัม) 1 หัว
นมสดชนิดพร่องมันเนย 1/2 ถ้วย
บีทรูท
บีทรูท



วิธีทำน้ำแครอทผสมบีทรูท
1.ล้างแครอท บีทูรท ปอกเปลือกหั่นท่อนคั้นน้ำแครอท น้ำบีทรูท น้ำผักกาดแก้ว ด้วยเครื่องแยกกาก


2.นำน้ำสมุนไพรที่ได้มาผสมรวมกัน เทใส่ลงในโถปั่น ใส่นมสด ปั่นเข้าด้วยกันด้วยความเร็วต่ำ  รินใส่แก้ว ดื่มทันที จะได้คุณค่าทางสารอาหารเต็มเปี่ยม
น้ำแครอทผสมบีทรู
น้ำแครอทผสมบีทรูท

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

น้ำทับทิม

ทับทิมเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัยประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพรทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเชียมและแคลเชียมซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย




ที่มาภาพ http://202.143.173.253/namnaolib/

ทับทิมมี ประโยชน์ดังต่อไปนี้

* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิน
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเฉ่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิมพลัง
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมโนผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวหน้าสวย

ส่วนผสม
* เนื้อลูกทับทิม 1 ถ้วยตวง
* น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
* น้ำใช้ตามชอบ
* เกลือ ตามชอบ

วิธีทำ

นำทับทิมแกะเอาแต่เนึ้อ 1 ถ้วย ใส่ในผ้าขาวบางขยำๆ เติมน้ำต้มสุข 1 ถ้วย ขยำต่ออีก กะว่าให้ได้เนื้อออกมาจากเมล็ดมากที่สุด จากนั้นกรองเอเมล็ดออก เอาแต่น้ำมาเติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นคนๆให้ละลายคนให้ละลาย ชิมรสตามชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เครื่องดื่มสมุนไพร สูตรเผาผลาญไขมัน

เครื่องดื่มสมุนไพร สูตรนี้ หลายคนเห็นส่วนผสมแล้วคงร้องยี้ เพราะดูสตรแล้วไม่น่าจะกินได้ แต่สูตรนี้ ช่วงเรื่องการเผาผลาญพลังงานได้ดัมากๆครับ ทดลองทำดื่มดู เหมาะกับคนที่กำลัง ควบคุมน้ำหนัก หรือลดความอ้วนได้ดีสูตรนี้ไม่ผสมน้ำตาล ดื่มแล้วไม่ทำให้อ้วนแม้รสชาติจะแปลกไปสักหน่อยสำหรับบางคน แต่ถ้าทำดื่มเป็นประจำก็จะคุ้นกับรสชาติ


ส่วนผสม


พริกหวานฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ
ใบกะเพรา 10 ใบ

มะเขือเทศ 1 ถ้วย
พริกป่นอย่างละเอียด 1/2 ช้อนชา
สับปะรด 1/2 ถ้วย
น้ำแข็ง 2 ก้อน


วิธีเตรียม

: ล้างผักและผลผลไม้ทุกชนิดให้สะอาดหั่นผัก และผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับปั่น

เด็ดใบกะเพราออกเป็นใบ แล้วปั่นผักและผลไม้ที่เตรียมไว้ด้วยความร็วระดับต่ำ เติมพริกป่นปั่นลงไป

เมื่อปั่นส่วนผสมทุกอย่างละเอียดดีแล้วจึงใส่น้ำแข็ง


ประโยชน์ที่จะได้รับ

-ความร้อนของพริก และใบกะเพรา

ช่วยขับเหงื่อ รวมทั้งสารพิพ่างๆ ออกจากราร่างกาย

- ใบกะเพรามีสรรพคุณช่วยในขับลมและขับเหงื่อ

-ควรเลือกซื้อพริกป่นชนิดที่บรรจุอย่างดี สะอาด และสีไม่แดงจนเกินไป ถ้าหากมีเวลา

พริกป่นไว้ใช้เองทีบ้านจะดีที่สุด




ที่มา หนังสือ spa at home

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำสมุนไพร น้ำดอกดาหลา

ดาหลาเป็นไม้ดอกไม้ประดับสีชมพูอมแดงดอกใหญ่ ก้านกลมยาวกว่าครึ่งเมตร เป็นพืชตระกูลเดียวกับขิงข่า ออกดอกทั้งปี

ดอกตูมและหน่ออ่อนนำไปปรุงอาหาร ได้รสชาติเผ็ดซ่าอ่อนๆ กลิ่นหอมเด่นเป็นเอกลักษณ์ ดอกดาหลานั้นมีสรรพคุณทางยา แก้โรคผิวหนัง แก้ลมพิษ และมีฤทธิ์ในการขับลม

ส่วนผสมของน้ำดอกดาหลา น้ำสมุนไพร
ดอกดาหลาดอกบานหั่นชิ้นเล็ก 3 ดอก
มะนาวหั่นซีก 1 ชิ้น
น้ำต้มสุกแช่เย็น 1 1/2 ถ้วย
นำเชื่อม 3-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็งชนิดก้อน

วิธีทำน้ำดอกดาหลา
1.ใส่ดอกดาหลาลงในโถปั่นบีบน้ำมะนาว เติมน้ำ ปิดฝา ปั่นด้วยความเร็วสูงจนละเอียด
2. กรองดอกดาหลาที่ปั่นด้วยกระชอนตาถี่หรือผ้าขาวบางสะอาด กรองเอาแต่น้ำ
3. เติมน้ำเชื่อมในน้ำดอกดาหลา คนให้ทั่ว รินใส่แก้วเติมน้ำแข็ง ดื่มทันที

น้ำแห้ว เครื่องดื่มสมุนไพร

แห้วเป็นพืชสมุนไพรตระกูลกก อุดมไปด้วยสารอาหารประเภทต่างๆ มีวิตามินและเกลือแร่ ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย ด้วยสาร puchin นอกจากนี้แห้วยังช่วยดับกระหาย คลายร้อนและขับน้ำนมได้อย่างดี

ส่วนผสมของน้ำแห้ว เครื่องดื่่มสมุนไพร
น้ำ 3 ถ้วย
แห้วปอกเปลือกหั่นชิ้น 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำแข็ง ชนิดก้อน


วิธีทำน้ำแห้ว เครื่องดื่่มสมุนไพร
1 ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางให้เดือด ใส่แห้วลงต้มนานประมาณ 20 นาที ใส่น้ำตาล
เมื่อน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลง พักไว้ให้เย็น
2.  เวลาจะดื่มรินน้ำแห้วใส่แก้วน้ำแข็ง ใส่เนื้อแห้ว ดื่มเย็นๆ

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำผักกาดขาว

ผักกาดขาวมีประโยชน์อย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ มีโฟเลทสูง

ส่วนผสมของน้ำผักกาดขาว
ผักกาดขาว 200 กรัม
แอปเปิ้ลแดง 50 กรัม
น้ำสับปะรด ½  ถ้วย
น้ำแข็งก้อน

วิธีทำน้ำผักกาดขาว
1. แกะผักกาดขาวเป็นใบ ๆ ล้างให้สะอาด
2 หั่นแอปเปิ้ลแดงเป็นชิ้นๆ เฉือนแกนกลางออก
3. ใส่ผักกาดแล้วตามด้วยแอปเปิ้ลลงในเครื่องแยกกาก
4 เทใส่แก้ว ใส่น้ำสับปะรดลงไปผสม คนให้เข้ากันก่อนดื่มเติมน้ำแข็งลงไปสัก 4-5 ก้อน จะทำให้สดชื่นยิ่งขึ้น ดื่มทันที

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผักกาดขาว
พลังงาน 126 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรด 25.3 กรัม
วิตามินเอ 6101.5 ไมโครกรัม
วิตามินซี 151 มิลลิกรัม
แคลเชียม 250 ไมโครกรัม

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำแตงกวา

แตงกวา

แตงกวาเป็นพืชจำพวกไม้เถาไม้เลื้อย มีหลายพันธุ์ที่รู้จัก แตงกวา แตงร้านลำต้นมีสีเขียวเป็นเหลี่ยมใบมีขนสั้นใบเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบ ดอกสีเหลือง ผลกลมยาว สีผลมีสีเขียวปนขาว ถ้าผลสุกจะมีสีเหลือง แตงกวานั้นประกอบด้วยวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบีรวม วิตามินซี  เหล็ก และเกลือแร่ต่างๆ  น้ำแตงกวารักษาโรคผิวหนัง ลดอาการอักเสบของผิวหนัง เมล็ดเป็นยาขับพยาธิ ในผลแตงกวามีเอนไซม์ ช่วยย่อยโปรตีน และมีสารกลิ่นหอมที่ละลายไต้ในแอลกอฮอล์ ใช้ผสมในน้ำหอม และเครื่องสำอาง มีกรดอะมิโนในปริมาณสูง ผลนำมาประกอบอาหารได้ทั้งผัด รับประทานสด หั่นผลสดบางๆ บำรุงผิวหน้า  การเลือกแตงกวาให้เลือกแตงกวาที่สด ผิวไม่เหี่ยว เนื้อแน่น ไส้น้อย เปลือกจะมีสีเขียวยาวเป็นริ้ว ล้างทั้งเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น

ส่วนผสมของน้ำแตงกวา
น้ำแตงกวา
แตงกวา 4 ผล
น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
น้ำต้มสุก 2 ถ้วยตวง
เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำแตงกวา
1ล้างแตงกวาด้วยน้ำให้สะอาด  เอาเมล็ดออกหั่นเป็นชิ้นใส่โถปั่นเติมน้ำสุก น้ำเชื่อม เกลือป่น ปั่นให้ละเอียด ชิม รสตามชอบ เวลาเสิร์ฟ
2 เอาน้ำแข็งทุบใส่แก้วรินน้ำแตงกวาใส่ รสหวาน เย็นชื่นใจ

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

น้ำทับทิม

น้ำทับทิม

ทับทิมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีกิ่งก้านสาขามาก มีหนาม
เล็กน้อยตามต้นและกิ่งใบมีลักษณะเล็กเรียว ดอกสีส้มสด กลีบดอก 6 กลีบ เมล็ดรูปเหลี่ยมเมื่อยังอ่อนจะมีสีขาว รสเปรี้ยวฝาด เมื่อแก่จะมีสีแดงสด รสหวาน

ส่วนผสมของน้ำทับทิม
เมล็ดทับทิม 2 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
น้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง

วิธีทำน้ำทับทิม
1.เอาเมล็ดทับทิมขยำกับน้ำต้ม ให้เนื้อออกจากเมล็ดมากที่สุด
2. กรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อตั้งไฟ 5 นาที ยกลงใส่น้ำเชื่อมและเกลือคนให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกเปรี้ยวหวาน รินใส่ขวดที่ลวกน้ำร้อนแล้วปิดฝานำไปแช่เย็น
3.  ได้น้ำทับทิมรสอร่อย เวลาเสิร์ฟให้น้ำแข็งลงในแก้ว รินน้ำทับทิมใส่ดื่มแล้วชื่นใจ

ประโยชน์และคุณค่าของน้ำทับทิม
ทับทิมมีหลายชนิด เปลือกหุ้มผลแก้เจ็บคอ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้บิด ลำไส้อักเสบ แก้ท้องร่วงและแผลร้อนใน ปากเป็นแผล ลิ้นเป็น แผล

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำมะเฟือง

มะเฟืองเป็นผลไม้รูปดาว 5 แฉก มีประโยชน์ในการดับพิษร้อน แก้กระหาย ช่วยให้หลับสบาย ซึ่งการทำน้ำมะเฟืองนั้นมีส่วนผสมและวิธีการดังต่อไปนี้

ส่วนผสมของน้ำมะเฟือง
มะเฟืองหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 400 กรัม
น้ำเปล่า 4 ถ้วย
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น  ¼  ช้อนชา


วิธีทำน้ำมะเฟือง
1. ใส่มะเฟืองลงในหม้อ ต้มในน้ำให้เปื่อย ยกลงแล้วยีให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอน
เอาแต่น้ำ ทิ้งกากไป
2. เทใส่ภาชนะ ผสมน้ำผึ้งและเกลือลงไป คนให้ละลายนำขึ้นตั้งไฟ ต้มให้เดือดอีกครั้ง ยกลง พักไว้ให้เย็น
3. ก่อนดื่มใส่น้ำแข็ง จะทำให้ชื่นใจยิ่งขึ้น


คุณค่าทางโภชนาการของน้ำมะเฟือง
* พลังงาน   201.1   กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต   48.9    กรัม
*วิตามินเอ   1298.1   ไมโครกรัม
  *วิตามินซี  152    มิลลิกรัม
 *แคลเซียม  32.3   ไมโครกรัม

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำนมข้าวโพด

ข้าวโพด เป็นพืชล้มลุกมีลำต้นตรงต่อกันเป็นปล้องมีใบเดียวเรียวยาวเป็นพืชจำพวกหญ้า ขอบใบมีขนอ่อน ก้านใบหุ้มลำต้น ต้นสูง ประมาณ 1-2 เมตร ต้นหนึ่งจะออกดอก ดอกหลายฝัก ตามบริเวณกาบใบ เมื่อโตจะเป็นฝักข้าวโพด ฝักอ่อน จะมีสีเขียว ฝักแก่จะเป็นสีนวล เมื่อนำมาทำน้ำนมข้าวโพดจะได้น้ำสีเหลืองอ่อน รสชาติหวานหอมอย่างยิ่ง

ส่วนผสมของน้ำนมข้าวโพด
 ข้าวโพดต้มสุก 2 ถ้วยตวง
น้ำ เชึ่ อม 1 ถ้วย
น้ำต้มสุก 4 ถ้วยตวง
นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำนมข้าวโพด
1. นำข้าวโพดสดมาล้างทำความสะอาด
2. แกะเมล็ดหรือฝานเนื้อข้าวโพด  ให้ได้ประมาณ 2 ถ้วย นำไปใส่เครื่องปั่นกรองให้ได้น้ำข้าวโพด  และ   เติมน้ำสุก น้ำเชื่อม นมสด เหลือ ปั่นเข้ากันจนละเอียดจะได้น้ำข้าวโพดรสชาติอร่อยหวานหอม


ประโยชน์และคุณค่าของน้ำนมข้าวโพด
วิตามินเอ  แคลเซียม แมกเนเซียม ฟอสฟอรัส น้ำตาลแป้ง โปรตีน

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำผักผลไม้รวม (สูตรดีท็อกซ์)

น้ำผักผลไม้รวมสูตรนี้เป็นสูตรสำหรับใช้ดีท็อกซ์เพื่อขจัดสารพิษที่อาจจะตกค้างในร่างกายของเรา เป็นการนำผลไม้ที่มีประโยชน์หลากหลายชนิดมารวมกัน ให้ทั้งคุณค่า และรสชาติที่อร่อยมากทีเดียว

ส่วนผสมของน้ำผักผลไม้รวม (สูตรดีท็อกซ์)
  แอปเปิ้ลเขียว 60 กรัม
  แอปเปิ้ลแดง  60 กรัม
  บีตรู้ท 40 กรัม
  เซเลอรี่ 50 กรัม
  แครอท 70 กรัม
  ขิง 10 กรัม

วิธีทำน้ำผักผลไม้รวม(สูตรดีท็อกซ์)
1 ล้างแล้วหั่นแอปเปิ้ลเขียวและแดงเป็นชิ้นๆ
2 ล้างแล้วหั่นเชเลอรี่เป็นท่อนสั้นๆ
3 ล้างบีตรู้ต แครอท และขิงให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
4 นำส่วนผสมทั้งหมดเเช่เย็นประมาณ 30 นาที
5 ใส่ส่วนผสมในเครื่องแยกกากทีละอย่าง โดยเริ่มจากแอปเปิ้ลก่อน
ตามด้วยเซเลอรี่ ขิง แครอท และบีตรู้ต คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเทใส่แก้ว ดื่มสด ๆ ทันที

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผักผลไม้รวม(สูตรดีท็อกซ์)
 พลังงาน  164.9  กิโลแคลอรี่
 คาร์โบไฮเดรต 42.6 กรัม
 เบต้าแคโรทีน 4,905.8 ไมโครกรัม
 วิตามินเอ 873.2 ไมโครกรัม
 วิตามินชี 19.5 มิลลิกรัม
 แคลเซียม 77.3 ไมโครกรัม

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำสำรองกับบีตรู้ต


ลูกสำรองหรือพุงทลายนั้นเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ช่วยในการลดน้ำหนัก ลดไขมัน ส่วนบีตรู้ตเป็นผักหัวสีแดงส่งผลดีต่อระบบประสาท สารที่มีมากในบีตรู้ตคือโฟเลต ซึ่งส่งผลดีต่อฮีโมโกลบินทำให้ไม่เป็นโรคโลหิตจาง และพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์สองอย่างมารวมกัน จะทำให้ได้รับประโยชน์และคุณค่ามากมายเลยทีเดียว









ส่วนผสมน้ำสำรองกับบีตรู้ต
ลูกสำรอง 10 เม็ด
น้ำบีตรู้ต 100 กรัม
น้ำผึ้ง 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 3 ถ้วย
น้ำแข็งก้อน


วิธีทำน้ำสำรองกับบีตรู้ต
1. แช่ลูกสำรองในน้ำ ทิ้งไว้จนแตกเป็นเนื้อวุ้น แยกเปลือกและเม็ดทิ้ง
ล้างน้ำให้สะอาด กรองด้วยผ้าขาวบางหรือกระชอน
2. ล้างบีตรู้ตให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
ใสเครื่องแยกกาก คั้นให้เหลือแต่น้ำ
3. ต้มเนื้อวุ้นของลูกสำรองกับน้ำให้เดือด ยกลง เทน้ำบีตรู้ดลงไป
ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ให้เย็น
4. ก่อนดื่มใส่น้ำแข็งลงไปเล็กน้อย หรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้ดื่ม


คุณค่าทางโภชนาการของน้ำสำรองกับบีตรู้ต
* พลังงาน  269.35    กิโลแคลอรี
* คาร์โบไฮเดรต 66.5     กรัม
*วิตามินเอ  575.9    ไมโครกรัม
  *วิตามินซี  13.8    มิลลิกรัม